รอบรู้เรื่องซ่อมรถ เช็กให้ชัวร์ก่อนลงมือซ่อมรถเอง
หลาย ๆ คนอาจจะเคยประสบกับเหตุการณ์ซ่อมรถราคาแพง หรือพยายามซ่อมรถเองแล้วแต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ยิ่งหากใครที่เป็นคนที่ใช้รถแบบสมบุกสมบันแล้วล่ะก็ ในหนึ่งปี อาจจะต้องเสียเงินเสียทองไปกับการซ่อมรถยนต์ไปในหลักหลายพันถึงหลายหมื่นบาท ในบทความนี้เราเลยนำข้อมูลเบื้องต้นสำหรับวิธีซ่อมรถเบื้องต้นมาฝากกัน แต่ก่อนที่จะไปลงลึกถึงรายละเอียดของวิธีซ่อมรถยนต์ เราลองมาดูกันก่อนดีกว่าว่าตามหลักความเป็นจริงแล้ว ค่าใช้จ่ายที่ต้องพบเจอสำหรับการเป็นเจ้าของรถยนต์หนึ่งคันนั้นมีอะไรบ้าง?
รถยนต์ 1 คัน มีค่าใช้จ่ายหลัก ๆ อะไรบ้าง?
1. ค่า พ.ร.บ.
พ.ร.บ. คือ พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 หมายความว่ารถยนต์ทุกคันจะต้องมีการต่อใบพ.ร.บ. ทุกปี ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย ปีละ 600-1,200 บาท ตามประเภทของรถ
2. ค่าประกันภัยรถยนต์
การทำประกันภัยรถยนต์ จะสามารถช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายที่เกิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ โดยประกันภัยรถยนต์มีให้เลือกประกันชั้น 1-3 ตามความเหมาะสม
3. ค่าต่อทะเบียนรถยนต์
ค่าต่อทะเบียนรถหรือค่าภาษีรถยนต์ประจำปีนั้นจะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1,500 – 3,000 บาทต่อปี เช่นเดียวกันกับค่าประกันภัย
4. ค่าบำรุงรักษารถยนต์
แน่นอนว่ารถยนต์เมื่อยิ่งใช้งาน ก็ย่อมมีการเสื่อมสภาพเป็นธรรมดา ดังนั้นผู้ที่เป็นเจ้าของรถจึงต้องมีการวางแผนค่าใช้จ่ายเพื่อใช้ในการซ่อมรถ และบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ
5. ค่าใช้จ่ายจิปาถะที่เกี่ยวกับรถในชีวิตประจำวัน
นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายข้างต้นแล้ว ค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ที่เจ้าของรถยนต์ต้องเจอนั้นมีอีกหลายอย่าง อาทิ
-
- ค่าน้ำมัน
- ค่าทางด่วน
- ค่าล้างรถ
- ค่าที่จอดรถ
- ค่าซ่อมรถ
ด้วยค่าใช้จ่ายรอบทิศทาง ทำให้บางครั้งเจ้าของรถอยากจะเลือกประหยัดค่าใช้จ่าย ด้วยวิธีซ่อมรถยนต์ด้วยตัวเอง ว่าแต่จะมีสกิลอะไรที่จำเป็นสำหรับการซ่อมรถยนต์เบื้องต้นด้วยตัวเองบ้าง?
3 สกิลจำเป็นสำหรับการซ่อมรถยนต์ด้วยตัวเอง
3 ข้อต่อไปนี้คือสกิลเบื้องต้นที่จำเป็นสำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของรถยนต์ หากต้องการจะเริ่มต้นลงมือซ่อมรถยนต์ด้วยตัวเอง ก็จำเป็นที่จะต้องมีสกิลเหล่านี้ติดตัวไว้
1. สกิลความรู้รอบตัวเรื่องรถ
เพราะเครื่องยนต์ของรถยนต์ในแต่ละปีนั้นมีการพัฒนาออกมาอย่างต่อเนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ต่าง ๆ ดังนั้นเจ้าของรถยนต์เองก็ควรที่จะต้องมีสกิลในเรื่องความรู้ทั่วไปที่เกี่ยวกับรถยนต์ที่ตัวเองเป็นเจ้าของ เช่น เครื่องยนต์มีความแรงเท่าไหร่? สายพานรถอยู่ตรงไหน? อุปกรณ์หรืออะไหล่รถยนต์ชิ้นนั้น ๆ เรียกว่าอะไร? ทั้งหมดนี้ก็เพื่อประโยชน์ในการหาข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวกับปัญหารถยนต์ในด้านนั้น ๆ อีกทั้งเวลาไปเลือกซื้ออะไหล่ด้วยตัวเองจะได้สื่อสารกับผู้ขายได้อย่างถูกต้อง
2. ใจเย็นและอดทน
แน่นอนว่าการที่จะลงมือซ่อมรถยนต์ด้วยตัวเอง หากเริ่มต้นจากคนที่ไม่เคยซ่อมรถเองมาก่อนเลยก็ต้องฝึกความใจเย็น และอดทนกับการแก้ไขปัญหา เพราะเรื่องเครื่องยนต์เองก็มีความซับซ้อนพอสมควร และเราก็ไม่ใช่ช่างมืออาชีพ ดังนั้นอาจจะต้องระลึกไว้เสมอว่าการซ่อมรถเองนั้นจะต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าที่มือใหม่จะเคยชินกับเครื่องยนต์ และแก้ไขปัญหาได้
3. ช่างสังเกตและรอบคอบ
อีกหนึ่งสกิลที่ต้องมีคือความรอบคอบ และการเป็นคนช่างสังเกต เพราะบรรดาชิ้นส่วนอะไหล่รถทั้งหลายมีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องของขนาดและคุณสมบัติ ดังนั้นหากต้องการซ่อมรถยนต์ด้วยตัวเอง คุณก็ต้องมีความละเอียดรอบคอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องตำแหน่งอะไหล่ตามจุดต่าง ๆ ในห้องเครื่อง
รู้เรื่องสกิลที่จำเป็นกันไปแล้ว คราวนี้ลองมาดูกันบ้างดีกว่าว่าถ้าหากเกิดปัญหาเกี่ยวกับรถขึ้นมา จะมีวิธีซ่อมรถยนต์ด้วยตัวเองยังไงบ้าง ที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก
ตัวอย่างปัญหาที่สามารถซ่อมรถยนต์ด้วยตัวเองได้
สายพานเสียงดัง
หากสายพานส่งเสียงผิดปกติ คุณสามารถซ่อมรถยนต์เบื้องต้นได้โดยการใช้จาระบีทาเข้าไปในส่วนของพูลเล่ย์ (Pulley) เพื่อทำให้จุดเชื่อมต่อต่าง ๆ ทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น หรือจะเลือกใช้สเปรย์ไล่ความชื้น ฉีดพ่นไปให้ทั่วทั้งบริเวณสายพาน เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กลับมาทำงานได้ดียิ่งขึ้น
น้ำมันหมดกลางทาง
กรณีนี้หากเจ้าของรถมีพกถังน้ำมันสำรองติดรถไว้อยู่แล้วก็สามารถแก้ปัญหาได้เลยโดยการเติมน้ำมันรถด้วยตัวเอง โดยให้ประคองรถเข้าทาง แล้วเปิดไฟฉุกเฉินก่อน แต่ถ้าไม่มีน้ำมันสำรอง สามารถติดต่อประกันภัย หรือ 1543 กรมการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ถ้าเช็กแล้วว่ามีปั๊มน้ำมันอยู่ไม่ไกลมาก จะจ้างวินมอเตอร์ไซต์ไปซื้อน้ำมันแกลลอนจะปั๊มใกล้เคียงก็สามารถทำได้
แบตเตอรี่หมด
ปัญหาแบตเตอรี่หมดนั้นพบเห็นได้บ่อย ๆ ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยการจั๊มพ์แบตเตอรี่ โดยสิ่งที่ต้องมีคือสายพ่วงแดงและดำ (แนะนำให้พกติดไว้ในรถ) และอาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากรถยนต์คันอื่น โดยวิธีการจั๊มแบตนั้นง่ายมาก เพียงแค่นำสายสีแดงต่อกับขั้วบวก และสายสีดำต่อกับขั้วลบ จากนั้นก็สตาร์ทรถยนต์อีกคันที่ไปขอจั๊มไฟมา เพียงเท่านี้แบตรถก็จะกลับมาทำงานได้ปกติอีกครั้ง
กระจกแตก
หากพบกับปัญหากระจกแตก ให้เริ่มจากทำความสะอาดสิ่งสกปรกบริเวณรอยแตก โดยการใช้ที่เป่าลม จากนั้นเช็ดบริเวณรอยแตกด้วยแอลกอฮอล์ นำเทปใสมาติดบริเวณรอบ ๆ รอยแตกให้เหลือแต่พื้นที่ตรงรอยแตก แล้วนำกาวตราช้างมาหยอดตรงรอยแตกให้ล้นออกมาเล็กน้อยรอจนกาวแห้ง จากนั้นให้เอาคัตเตอร์ขูดเนื้อกาวที่เกินออกเบา ๆ นำกระดาษทรายเบอร์ 1,000 จุ่มน้ำ และนำมาขัดตรงบริเวณที่หยอดกาว หลังจากนั้นขัดตามด้วยเบอร์ 1,500 จนเนื้อเรียบเนียน เสร็จแล้วก็แกะเทปใสออก ปิดท้ายด้วยการใช้น้ำยาขัดสี ขัดบริเวณที่ซ่อมให้เนียน เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ
ยางรั่ว
หากพบปัญหายางรั่ว สามารถซ่อมรถยนต์เบื้องต้นได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ คือ การใช้ชุดปะยางฉุกเฉิน ขั้นแรกทำการประกอบกระปุกน้ำยาเข้ากับที่ปั๊มลมไฟฟ้า จากนั้นนำไปต่อกับจุ๊บลมของยางเส้นที่เกิดการรั่ว ต่อสายไฟของเครื่องปั๊มลมไฟฟ้าเข้ากับช่องจุดบุหรี่ในรถ แล้วเปิดสวิตช์ เครื่องจะทำงานโดยอัตโนมัติ เมื่อซ่อมเสร็จแล้วควรขับขี่อย่างระมัดระวัง และรีบนำรถไปหาอู่ซ่อมเพื่อเช็กสภาพความปลอดภัยอีกครั้งหนึ่ง
หม้อน้ำรั่ว
กรณีที่หม้อน้ำรั่วสามารถซ่อมเองได้เบื้องต้น โดยให้รีบเปิดฝากระโปรงหน้ารถเพื่อระบายความร้อนออกจากห้องเครื่อง เมื่อเครื่องยนต์เย็นลง ให้เปิดฝาหม้อน้ำและทำการเติมน้ำทีละน้อย และอย่าลืมสังเกตดูระดับน้ำในหม้อน้ำไปด้วย หากพบว่าน้ำที่เติมลงไปไม่เต็มหม้อ แต่ที่ใต้ท้องรถกลับมีน้ำไหลซึมออกมาหมด ให้สันนิษฐานได้เลยว่าหม้อน้ำแตก แนะนำให้ติดต่อศูนย์ซ่อมรถยนต์เพื่อนำไปซ่อมจะดีที่สุด
แต่ถ้าหากต้องพบเจอปัญหาที่ยากหรือนอกเหนือจากนี้ เช่น กระจกแตกเป็นรอยร้าวใหญ่ เบรกแตก หรือหม้อน้ำแตก ขอแนะนำให้ไปซ่อมรถยนต์กับศูนย์ซ่อมรถมืออาชีพ เพื่อให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบปัญหา และทำการแก้ไขอย่างตรงจุดมากที่สุด
เลือกอู่ซ่อมรถยนต์ต้องดูอะไรบ้าง?
หากค้นพบแล้วว่าไม่สามารถทำการซ่อมรถยนต์เบื้องต้นด้วยตัวเองได้ ขอแนะนำให้หาอู่ซ่อมรถยนต์มืออาชีพที่มีมาตรฐาน เพื่อให้รถยนต์ของคุณปลอดภัยแก่การขับขี่หลังการซ่อมแซม โดยมีเทคนิคง่าย ๆ ในการเลือกใช้บริการดังนี้
อู่ซ่อมรถมีชื่อเสียงการันตี
ข้อนี้สังเกตได้ง่าย ๆ จากประสบการณ์การเปิดให้บริการของอู่ มีใบรับรองมาตรฐานความปลอดภัยชัดเจน ผ่านการรับรองจากสำนักงาน คปภ. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย) มีที่ตั้งเป็นหลักเป็นแหล่ง และมีการรับประกันงานหลังการซ่อม
ช่างผู้เชี่ยวชาญ
ไม่ใช่แค่ชื่อเสียงของสถานที่ซ่อมรถ และยังต้องพิจารณาครอบคลุมไปถึงประสบการณ์ของช่างผู้เชี่ยวชาญที่จะมาดูแลซ่อมแซม แก้ไขปัญหาให้กับรถยนต์ของคุณ เช่น มีช่างที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการเปลี่ยนถังน้ำมันเครื่อง หรือ มีช่างผู้เชี่ยวชาญให้บริการด้านสี และตัวถังของรถยนต์ เป็นต้น
ตัวเลือกบริการซ่อมรถที่ครอบคลุม
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือ เรื่องของการให้บริการด้านการซ่อมรถยนต์ที่ครอบคลุมจากอู่รถ เพราะโดยทั่วไปแล้วอู่รถที่พร้อมให้บริการช่วยซ่อมรถอย่างครอบคลุมนั้น มักจะหมายถึงอู่นั้น ๆ มีช่างผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมไปด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะตอบโจทย์ความต้องการในการซ่อมรถให้ลูกค้า
เห็นได้ชัดว่าเจ้าของรถยนต์นั้นควรมีความรู้พื้นฐานในเรื่องของการซ่อมรถยนต์ติดตัว เพราะเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันจะได้รับมือกับปัญหาเฉพาะหน้าได้ นอกจากนี้ยังควรที่จะต้องมีการวางแผนซ่อมบำรุง หมั่นตรวจสอบรถยนต์ และเช็กรถของคุณอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการลดอัตราความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ ให้คุณได้ขับขี่อย่างปลอดภัยบนท้องถนน
หากใครที่กำลังวางแผนซ่อมบำรุง และมองหาอู่ซ่อมรถในการตรวจสอบสภาพรถอยู่ล่ะก็ ขอแนะนำให้มาที่ศูนย์มิตซูบิชิ นที ของเรา ที่นอกจากเราจะเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิอย่างเป็นทางการแล้ว เรายังเป็นศูนย์ให้บริการระดับมาตรฐานสากล ที่พร้อมให้บริการซ่อมรถยนต์ด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัยครบครัน และพื้นที่ในการดูแลลูกค้ามากถึง 14 ช่องซ่อม ให้คุณวางใจได้เลยว่าไม่ว่ารถยนต์ของคุณกำลังประสบกับปัญหาแบบไหน ที่ศูนย์มิตซูบิชิ นที ของเราก็พร้อมจะมอบบริการที่ดีที่สุด และการดูแลเหนือระดับให้กับคุณในทุก ๆ ครั้งที่นึกถึงเรา
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-457-2288 ทุกวันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา 8.00 – 17.30 น.