ไม่ว่าจะเป็นการออกเดินทางทริปสั้น ๆ ใกล้กรุงเทพฯ หรือเดือนทางข้ามจังหวัดหลายชั่วโมง การเช็ครถก่อนเดินทางไกลคือเรื่องจำเป็นที่คนใช้รถยนต์ทุกคนควรปฏิบัติตาม เพื่อความปลอดภัยของตนเอง และผู้อื่นที่สัญจรบนท้องถนน บทความนี้เราจะพาศึกษาข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเช็คสภาพรถก่อนเดินทางไกล ว่าวิธีเช็ครถก่อนเดินทางไกลนั้นต้องทำยังไงบ้าง หรือแม้แต่การตรวจเช็ครถก่อนเดินทางไกลด้วยตัวเอง ถ้าพร้อมแล้วก็ตามมาดูกันเลย
ความสำคัญของการเช็ครถก่อนเดินทางไกล
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่าการเช็คสภาพรถก่อนเดินทางไกลเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะถ้าหากไม่มีการตรวจสอบสภาพ ก็จะเกิดความเสี่ยงหลายด้านในระหว่างการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นยางรถยนต์รั่ว แบตเตอร์รี่เสื่อมสภาพ น้ำมันเบรคหมด เป็นต้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรง และเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่บนท้องถนน
5 จุดตรวจเช็คสภาพรถก่อนเดินทางไกลมีอะไรบ้าง?
หากมีแผนว่าจะเดินทางไกลควรเช็ครถก่อนออกเดินทางทุก ๆ ครั้ง ในหัวข้อนี้เราจะพามาดูกันว่าหากต้องการตรวจสภาพรถก่อนเดินทางไกลนั้น จะต้องเช็คจุดไหนภายในรถยนต์บ้าง
- ยางรถยนต์ อย่างแรกเลยที่ควรจะต้องเช็คคือ “ยางรถยนต์” เพราะถือเป็นหัวใจสำคัญของตัวรถ ที่รับหน้าที่ขับเคลื่อนเครื่องยนต์ให้ไปตามทิศทางที่ต้องการ ดังนั้นเรื่องหลัก ๆ ของยางรถยนต์ที่ควรเช็ค คือ ยางรถมีลมปกติหรือไม่ ยางมีรอยแตกไหม และดอกยางยังอยู่ในสภาพที่สามารถใช้งานได้ดีหรือเปล่า โดยยางทั้ง 4 เส้นนั้นควรจะอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่บิดเบี้ยว และที่สำคัญหลังจากตรวจสภาพยางทั้งหมดแล้ว ต้องตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่ามีการขันน็อตล้อกลับเข้าที่เดิมอย่างสมบูรณ์หรือไม่
- แบตเตอรี่รถยนต์ แบตเตอรี่คืออีกหนึ่งส่วนสำคัญของเครื่องยนต์ โดยทั่วไปแล้วปีประเภทแบตเตอรี่ที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ “แบตเตอรี่แบบกึ่งแห้ง” โดยมีวิธีการดูแลรักษาคือ ต้องเติมน้ำกลั่นทุก 6 เดือนหรือปีละ 1 – 2 ครั้งขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน ณ วันที่ไปตรวจเช็คสภาพรถก่อนเดินทางไกล นอกจากการเติมน้ำกลั่นแล้ว ยังจำเป็นที่จะต้องตรวจเช็คสภาพของแบตเตอรี่อยู่เสมอด้วยว่าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์หรือไม่ รวมไปถึงการเช็ควันหมดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ด้วย
- น้ำมันเครื่อง อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้รถยนต์สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั่นคือ น้ำมันเครื่อง โดยน้ำมันเครื่องจะทำหน้าที่หล่อลื่นเครื่องยนต์ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นก่อนเดินทางไกลจึงจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องให้แน่ใจว่าอยู่ในปริมาณตามที่กำหนด ไม่ควรปล่อยให้น้ำมันเครื่องแห้งโดยเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้มีปัญหาเรื่องของเครื่องยนต์ตามมาได้ภายหลัง และถ้าหากต้องเดินทางไกลมาก ๆ แนะนำว่าเจ้าของรถยนต์ควรสำรองน้ำมันเครื่องติดรถไว้อย่างน้อย 1 ลิตร เผื่อยามฉุกเฉิน
- น้ำมันเบรกและระบบเบรก ระบบเบรกนั้นเรียกได้ว่าเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการขับขี่รถยนต์ ดังนั้นก่อนออกเดินทางไกล เจ้าของรถยนต์ควรจะต้องเช็กทั้งน้ำมันเบรก และผ้าเบรกว่ายังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมใช้งานหรือไม่ สำหรับวิธีเช็คด้วยตัวเองง่าย ๆ เลยคือ ให้ลองเหยียบเบรก แล้วฟังว่ามีเสียงเบรกผิดปกติหรือเปล่า และสำหรับในส่วนของน้ำมันเบรกนั้นหากมีส่วนที่พร่องหายไป อาจจะต้องให้อู่รถยนต์ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดว่ามีบริเวณรอบ ๆ ตรงจุดไหนที่น้ำมันอาจจะรั่ว จนทำให้น้ำมันเบรกระเหยออกไปหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนน
- ระบบไฟต่าง ๆ อีกหนึ่งระบบที่จำเป็นต้องเช็ครถก่อนเดินทางไกลคือ ระบบไฟต่าง ๆ โดยจุดนี้เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการขับขี่รถยนต์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืน โดยส่วนที่ควรตรวจเช็คนั้นมีทั้งระบบไฟเบรค ไฟเลี้ยวซ้ายขวา ไฟตัดหมอก รวมถึงไฟฉุกเฉิน ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ระบบเหล่านี้จะต้องทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบก่อนการออกเดินทาง
นอกจากนี้ยังมีส่วนอื่น ๆ ที่ควรตรวจสอบอีกอย่างเช่น น้ำมันเกียร์อัตโนมัติ น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ ระบบหล่อเย็น หม้อน้ำ ช่วงล่าง และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งถ้าหากมีส่วนไหนที่ไม่สามารถทำการตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง ขอแนะนำให้ตรวจสอบกับศูนย์เช็ครถใกล้บ้านคุณ หรือหากใครที่ใช้รถยนต์มิตซูบิชิสามารถแวะมาเช็ครถก่อนเดินทางไกลได้ที่ Mitsubishi ศูนย์บริการสาขาใกล้บ้าน เพราะที่นี่เรามีให้บริการตรวจเช็คสภาพรถยนต์แบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น
- การเช็คสภาพหน้าเครื่องยนตร์
- สายพาน ลูกรอก แบตเตอรี่ น้ำหล่อเย็น การเช็คระบบเบรก น้ำมันเบรก ดินเบรก จานเบรก
- การตรวจเช็คระบบส่องสว่างรอบคันและภายในห้องโดยสาร
- บริการเช็คการสึกของยาง ลมยาง สลับยาง
- บริการเช็คช่วงล่างทั้งหมด
- บริการเช็คระบบบังคับเลี้ยว
นอกจากนี้ที่ศูนย์ของเรายังมีให้บริการพิเศษอย่าง “การเช็คความพร้อมด้วยระบบคอมพิวเตอร์” เพื่อสมถรรนะในการขับขี่รถยนต์อย่างมีประสิทธิภาพ ให้คุณพร้อมเดินทางอย่างปลอดภัยตลอดทั้งเส้นทาง