รายละเอียดโปรโมชั่น

ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้า หรือที่เราคุ้นเคยกันในชื่อ รถ ev มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา จากปัญหาฝุ่นและสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น ประกอบกับพิษเศรษฐกิจจากสงครามโลก ที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งทะลุเพดาน ยิ่งกระตุ้นให้กระแสการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าลุกลามไปทั่วโลก ไม่ไว้แม้แต่ประเทศไทย ก็เพิ่งประกาศนโยบายมอบส่วนลดสำหรับผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าไปเร็วนี้ สำหรับใครที่กำลังมองหา หรือสนใจจะเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า แต่ยังไม่รู้ว่าจะซื้อรุ่นไหน หรือยังไม่มีคำตอบไว้ในใจ วันนี้เราได้รวบรวมรถ ev ในไทย ราคาน่าซื้อ มาให้ทุกคนได้เลือกชมกันแล้ว แต่ก่อนอื่นเราไปทำความรู้จักกับรถยนต์ไฟฟ้าให้มากยิ่งขึ้นกันก่อนดีกว่า

รถยนต์ไฟฟ้า EV คืออะไร มีกี่ประเภท

1. รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle, HEV) เป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อน โดยอาศัยการทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงทั่วไปและมอเตอร์ไฟฟ้า

• หลักการทำงาน
  • ระบบของรถจะสลับการใช้งานระหว่างเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ หรือในบางครั้งอาจใช้พลังงานจากทั้งสองแหล่ง เพื่อเสริมกำลังอัตราเร่งของรถยนต์โดยในช่วงที่รถออกตัวในระยะทาง 2-3 กิโลเมตรแรก ระบบจะดึงพลังงานจากแบตเตอรี่มาใช้ จากนั้นจึงสลับมาใช้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อน ในช่วงระหว่างรถติดหรือหยุดนิ่ง หากมีแบตเตอรี่มากพอ ระบบจะดึงไฟฟ้าจากแบตเตอรี่มาใช้งานกับอุปกรณ์ภายในรถ โดยให้เครื่องยนต์หยุดทำงานชั่วขณะเพื่อลดการใช้น้ำมันและลดการปล่อยควันพิษ
  • ข้อดี
    • ประหยัดน้ำมันกว่ารถยนต์รุ่นปกติ และสามารถเก็บพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่ได้
    • เหมาะสำหรับคนที่ต้องการประหยัดค่าน้ำมัน และลดมลพิษ แต่ยังไม่กล้าเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ

2. รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Vehicle, PHEV) เป็นรถไฟฟ้าที่พัฒนาต่อยอดมาจากรถยนต์ไฟฟ้าประเภทไฮบริด คือใช้เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกัน แต่ได้เพิ่มช่องเสียบชาร์จไฟแบตเตอรี่เข้ามา ทำให้สามารถชาร์จไฟจากที่บ้านหรือสถานีชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าได้

• หลักการทำงาน ใช้เวลาในการชาร์จแบตเต็ม 100% ประมาณ 4 – 5 ชั่วโมง สามารถขับเคลื่อนได้ถึง 20 – 50 กิโลเมตร และเมื่อแบตเตอรี่หมดลง ระบบจะสลับไปใช้พลังงานจากเครื่องยนต์เติมน้ำมันแทน
• ข้อดี
  • สามารถวิ่งได้ในระยะทางที่ไกลกว่า HEV
  • ไม่ต้องกังวลเรื่องรถดับ เพราะหากแบตหมด ก็สามารถเติมน้ำมันขับได้ปกติ ไม่ต้องหาที่แวะชาร์จ
  • เหมาะสำหรับคนที่อยากใช้รถไฟฟ้าแต่ยังไม่มั่นใจกับการชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ หรือกลัวรถดับระหว่างทาง

ตัวอย่างรถยนต์ประเภท PHEV เช่น MG HS Plug in Hybrid, Mitsubishi Outlander PHEV, BMW : X5 xDrive45e

3. รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle, BEV) เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีมอเตอร์ ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน 100% ซึ่งแบตเตอรี่ที่ใช้นั้นจะใช้พลังงานจากการเสียบชาร์ตโดยตรง และจากระบบผ่อนคันเร่ง หรือเหยียบเบรก (Regenerative Braking System) โดยแบตเตอรี่ของรถยนต์ BEV มีขนาดและพื้นที่มาก เพื่อเก็บพลังงานในการขับเคลื่อน

• หลักการใช้งาน
  • ใช้เวลาการชาร์จแบตเตอรี่ในแต่ละครั้ง ประมาณ 6 – 8 ชั่วโมง หากชาร์จผ่านแท่นชาร์จเร็ว จะใช้เวลา เพียง 2-4 ชั่วโมง หลังจากชาร์จไฟเต็ม 100% แล้ว รถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้จะสามารถวิ่งได้สูงสุดประมาณ 300 กิโลเมตร
• ข้อดี
  • ไม่มีการปล่อยไอเสียออกมาจากตัวรถ ไร้ควัน ไร้มลพิษแบบ 100%
  • จุดศูนย์ถ่วงของรถต่ำลง ทำให้รถทรงตัวดีขึ้น เนื่องจากการวางแบตเตอรี่ในตำแหน่งพื้นใต้ห้องโดยสาร

ตัวอย่างรถยนต์ประเภท BEV เช่น MG รุ่น ZS EV, Nissan Leaf, Lexus UX300e

4. รถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle, FCEV) รถประเภทนี้ จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน 100% โดยใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ และเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Stack) ที่ถูกเก็บอยู่ในรูปของก๊าซไฮโดรเจน และเมื่อมีความต้องการใช้ไฟฟ้า ก๊าซไฮโดรเจนจะถูกนำไปทำปฏิกิริยากับก๊าซออกซิเจนในอากาศ

• หลักการทำงาน ระบบส่งโฮโดนเจนเหลวและอากาศที่มีออกซิเจนอยู่ เข้าสู่แผงเซลล์เชื้อเพลิงเพื่อแปลงเป็นกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บในแบตเตอรี่ จากนั้นตัวมอเตอร์จะดึงเอากระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ เพื่อนำไปใช้ในการขับเคลื่อนรถยนต์ต่อไป
• ข้อดี
  • ไม่มีการปล่อยไอเสียออกมา ไรมลพิษแบบ 100%ถือเป็นรถยนต์คำตอบที่แท้จริงของพลังงานสะอาดในอนาคต

ตัวอย่างรถยนต์ประเภท FCEV เช่น Toyota Mirai, Honda Clarity Fuel Cell, Hyundai Nexo

รถยนต์ ev ในไทยน่าซื้อ 2022

จากข้อดีรถ ev ดังที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ทำให้รัฐบาลหลายประเทศทั่วโลก ต่างพากันสนับสนุนการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั้งการผลักดันนโยบายให้รถยนต์แห่งโลกอนาคต หรือติดตั้งจุดชาร์จไฟสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น รวมถึงประเทศไทยที่ได้ประกาศลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้าที่ประกอบในประเทศ จึงทำให้มีการนำเข้ารถยนต์ ev ในไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2022 นี้ รถยนต์ไฟฟ้าที่ขายและราคาน่าซื้อในไทย มีดังนี้

1. POCCO MM และ DD

รถยนต์ City Car คันเล็กขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า จากประเทศจีน นำเข้าโดย BRG เน้นการขับขี่ในเมือง หรือพื้นที่ที่มีตรอกซอกซอยคับแคบเป็นหลัก ด้วยขนาดของตัวถังที่เล็ก มีฐานล้อ และโอเวอร์แฮงก์หน้า-หลังที่สั้นมีความสูงจากพื้น 120 มม. น้ำหนักตัวรถ 750 กิโลกรัม ทำให้สามารถขับขี่ในพื้นที่แคบได้ดี โดยรุ่นที่เข้าไทย แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม ดังนี้

1.1 Pocco MM รถ 3 ประตู 2 ที่นั่ง ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 20 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 100 นิวตันเมตร ใช้แหล่งพลังงานจากแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 9.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 116 กิโลเมตรโดยประมาณ จากการชาร์จ 1 ครั้ง (NEDC) ทำความเร็วสูงสุดได้ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ชาร์จไฟบ้านแบบ AC ให้เต็ม 0-100% ได้ในเวลา 6-8 ชั่วโมง

1.2 Pocco DD รถ 5 ประตู 4 ที่นั่ง ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนขนาด 29 กิโลวัตต์ หรือ 39 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 110 นิวตันเมตร ใช้แหล่งพลังงานจากแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 10.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 128-178 กิโลเมตรโดยประมาณ จากการชาร์จ 1 ครั้ง (NEDC) ทำความเร็วสูงสุดได้ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ชาร์จไฟบ้านแบบ AC ให้เต็ม 0-100% ได้ในเวลา 6-8 ชั่วโมง ใช้ยางขนาด 155/65 R13

ราคาอยู่ที่ 399,000 – 449,000 บาท

จุดเด่น

• ราคาถูกสีสันน่ารัก สะดุดตา
• เล็กกะทัดรัด คล่องตัว สามารถขับสามารถใช้ขับในเมืองที่ไม่ต้องพื้นที่ในการจอด
• มีเฉพาะรุ่นพวงมาลัยซ้ายเท่านั้น

2. ORA Good Cat

ORA เป็นแบรนด์แยกของ GWM ที่ขายเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า แม้จะพึ่งเปิดตัวและวางขายได้ไม่นาน แต่ได้รับความนิยมอย่างมากในไทย มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว Permanent Magnet Synchronous Motor พละกำลัง 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า ความเร็วสูงสุด 152 km/h แบตเตอรี่มีความสามารถในการป้องกันมาตรฐาน IPX9K และ IP67 ออกแบบให้ป้องกันน้ำ การกัดกร่อน การชน ไฟไหม้ และการกระแทก โดยเมื่อเกิดการกระแทก ระบบไฟฟ้าจะตัดการทำงานภายใน 0.1 วินาที เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับและผู้โดยสาร

เซลล์แบตเตอรี่ถูกห่อหุ้มด้วยกล่องที่มีความแข็งแรงในระดับ 3 มิติ มีการควบคุมอุณหภูมิและระบบระบายความร้อนขณะทำงานไม่ว่าจะเป็นการป้อนกระแสไฟ หรือการชาร์จเร็วที่ทำให้แบตฯ มีอุณหภูมิสูงขึ้น โดยมีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่

2.1 ORA Good Cat รุ่น 400 TECH แบตเตอรี่ 2 ขนาด วิ่งได้ไกล 400 – 500 กม. ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง

2.2 ORA Good Cat รุ่น 400 PRO แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต ขนาด 47.8 kWh ให้ระยะทางสูงสุด 400 กม. ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง สามารถชาร์จด้วยไฟบ้านแบบ AC ใช้เวลาประมาณ 8 ชม. และชาร์จเร็วกระแสตรง DC 0-80% ใน 45 นาที และ 30-80% ใน 32 นาที

2.3 ORA Good Cat รุ่น 500 ULTRA แบตเตอรี่ลิเธียม Ternary ขนาด 63.139 kWh ที่ให้ระยะทางการวิ่ง 500 กม. ตามมาตรฐาน NEDC สามารถชาร์จด้วยไฟบ้านแบบ AC ใช้เวลาประมาณ 10 ชม. มาพร้อมระบบชาร์จเร็วกระแสตรง DC 0-80% ใน 60 นาที และ 30-80% ใน 40 นาที

ราคาอยู่ที่ 828,500 บาท – 1,038,500 บาท

จุดเด่น

• การดีไซน์ที่น่ารัก สะดุดตา คล่องตัว และราคาที่พอจะจับต้องได้

3.MG ZS EV 2022

MG เป็นแบรนด์รถที่เปิดตัวในไทยมาหลายปีแล้ว แต่กระแสก็ยังคงแรงไม่มีตก ด้วยดีไซน์ที่เรียบหรู สวยงาม ล้ำนำสมัยเหมาะสมกับราคา ในปีในปี 2022 นี้ รุ่นที่น่าจับตามอง คือ MG ZS EV 2022 เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% มาพร้อมกับแนวคิด “Truly Easy” สมรรถนะที่โดดเด่นจากมอเตอร์ขนาด 177 แรงม้า แบตเตอรี่ 50.3 กิโลวัตต์/ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ 403 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตอบโจทย์เอาท์ดอร์ไลฟ์สไตล์ด้วยฟีเจอร์V2L (Vehicle to Load) เดินทางรวมระยะทางกว่า 4,880 กิโลเมตรพร้อมทั้งมีระบบ Liquid Cooling System ช่วยระบายความร้อนให้ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ มี 2 รุ่นย่อย คือรุ่นMG ZS EV 2022 รุ่น Dและ MG ZS EV 2022 รุ่น X

ราคาอยู่ที่ 949,000 – 1,023,000 บาท

จุดเด่น

• เป็นรถยนต์ไฟฟ้ารองรับการเดินทางทั่วประเทศ ด้วยระยะทางกว่า 4,880 กิโลเมตร
• สามารถกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า ด้วยกำลังสูงสุดถึง 2,200 วัตต์

4. Mitsubishi Outlander PHEV

รถยนต์ไฟฟ้า SUV จาก Mitsubishi เป็นรถยนต์ไฟฟ้าระบบไฮบริด เปิดตัวเมื่อปี 2020 แต่ก็ยังเป็นรถที่น่าสนใจในปีนี้ เหมาะสำหรับคนที่เริ่มสนใจรถไฟฟ้า แต่ยังไม่กล้าเปลี่ยนจากรถน้ำมันเชื่อเพลิง รุ่นนี้ถือว่าตอบโจทย์มากๆ เป็นรถครอบครัว เพราะห้องโดยสารกว้าง มีที่นั่งสูงสุด 5 คน รับประกันแบตเตอร์รี่ถึง 10 ปี วิ่งได้ไกลสุดถึง 700 กม.

มีกำลังสูงสุด 224 แรงม้าแรงบิดสูงสุด 350 Nm ขนาดแบตเตอรี่ 13.8 กิโลวัตต์ชั่วโมงใช้เวลาชาร์จนาน 4 ชั่วโมง ถ้าใช้โหมด EV 100% ระยะทางวิ่งเมื่อชาร์จเต็ม 55 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

ราคาอยู่ที่ 1,640,000 บาท

จุดเด่น

• รถครอบครัว ประหยัดน้ำมัน
• สามารถสรับโหมดไปใช้เป็น EV 100% ได้
• รับประกันแบตเตอร์รี่ถึง 10 ปี

5. Nissan Leaf

รถยนต์ไฟฟ้า 100% จาก Nissan เหมาะสำหรับขับในระยะใกล้ ๆ ดีไซน์โฉบเฉี่ยว ห้องโดยสาร กว้างและเก็บเสียงได้ดี ช่วยตัดเสียงรบกวนจากภายนอก มีสายชาร์จ 2 แบบ คือแบบธรรมดา และ Double Charge มี e-Pedal ที่สามารถเร่ง และเบรกได้ในแป้นเดียว ที่นั่งสูงสุด 4 คน มีกำลัง 150 แรงม้า แรงบิด 300 Nm ขนาดแบตเตอรี่ : 40 กิโลวัตต์/ชั่วโมง ใช้เวลาชาร์จนาน 12 ชั่วโมง หากชาร์จแบบ DC ใช้เวลา 30 นาที ระยะทางวิ่งเมื่อชาร์จเต็ม 311 กม.

รับประกันอายุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ40 kWh ที่สามารถใช้งานได้ถึง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตรระบบไฟฟ้าถึง 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร มีระบบควบคุมรถเมื่อขับบนทางลาดชัน โดยไม่ต้องคอยแตะเบรกอีกต่อไป และยังสลับกลับไปขับแบบสองแป้นเหยียบได้

ราคาอยู่ที่ 1,990,000 บาท

จุดเด่น

• มีการรับประกันคุณภาพของแบตเตอรี่ถึง 8 ปี
• ระบบควบคุมรถบนทางลาดชัน โดยไม่ต้องคอยแตะเบรก

6. MINI Cooper SE

รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของค่ายที่ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานจากรุ่น 3 ประตู มาพร้อมกับการตกแต่งด้วยสีเหลือง Energetic Yellow ตามส่วนต่าง ๆ บนตัวรถที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ให้อารมณ์การขับขี่แบบรถโกคาร์ท มีมอเตอร์ไฟฟ้า 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร ทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.3 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 150 กม./ชม. มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจำนวน 12 โมดูล ในรูปทรงตัว T ติดตั้งอยู่บริเวณใต้พื้นรถขนาด 32.6 kWh ชาร์จไฟเต็มวิ่งได้ระยะทางสูงสุดราว 217 กม. ตามมาตรฐาน NEDC

ในด้านการชาร์จไฟนั้น ถ้าชาร์จจาก MINI ELECTRIC Wallbox ขนาด 11 kW ให้กำลังไฟ 80% ภายในเวลา 2.5 ชม. และชาร์จเต็ม 100% ภายใน 3.5 ชม. และถ้าชาร์จแบบ DC ขนาด 50 kW ชาร์จได้ถึง 80% ภายใน 36 นาที

ราคาอยู่ที่ 2,290,000 บาท

จุดเด่น

• รูปทรงกะทัดรัด
• สีสันโดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
• ระบบรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี

7. Lexus UX 300e

รถเอสยูวีสัญชาติญี่ปุ่น ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% มีความจุแบตเตอรี่ 153 Ah ความจุ 54.35 kWh ให้พละกำลังสูงสุดถึง 150 kWh หรือ 201 แรงม้า ให้อัตราเร่งที่แรงระยะทางวิ่งไกลสูงสุด 360 กม.ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้าอัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 7.5 วินาที การชาร์จ แบบปกติ 32A 6.6 kW 0-100% ภายใน 6.5 ชั่วโมง ชาร์จเร็ว 0-80% ภายใน 50 นาที โดยแบตเตอรี่มีขนาด 54 กิโลวัตต์-ชั่วโมง เส้นสายตัวถังที่โฉบเฉี่ยวทันสมัย สปอยเลอร์หลังคาและเสาอากาศครีบฉลาม แฝงด้วยความสปอร์ต

ราคาอยู่ที่ 3,490,000 บาท

จุดเด่น

• มีการประกันแบตเตอรี่นานถึง 10 ปี
• มีเทคโนโลยีความปลอดภัย Lexus Safety Sense ที่ประกอบด้วยระบบความปลอดภัยสุดล้ำ เช่น ระบบเตือนการชนด้านหน้าพร้อมเบรกอัตโนมัติ, ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา, ระบบเตือน ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ

8. Volvo C40 Recharge

รถ 5 ประตู สไตล์ครอสโอเวอร์คูเป้ จากค่ายวอลโว่ ใช้เวลาชาร์จ 7 ชั่วโมง วิ่งได้ไกลกว่า 400 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีบริการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมติดตั้งเครื่องชาร์จไฟแบตเตอรี่แรงดันสูงติดผนัง รับประกันอายุการใช้งานเครื่องชาร์จ 2 ปี มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Dual Motor AWD ให้กำลังสูงสุด 408 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 660 นิวตัน-เมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 4.9 วินาที จำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 180 กม./ชม. พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 78 kWh สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางสูงสุดราว 400 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP รองรับระบบชาร์จด่วนจนถึงระดับ 80% ภายในระยะเวลา 40 นาที

ราคาอยู่ที่ 2,690,000 บาท

จุดเด่น

• มีระบบการขับขี่แบบ One Pedal Drive ที่ให้การเร่ง ชะลอ และเบรก ทำได้ด้วยแป้นเหยียบเพียงแป้นเดียว และเริ่มขับโดยไม่ต้องกดปุ่มสตาร์ท

9. Tesla Model 3

รถยนต์ไฟฟ้าล้วน EV (Electric Vehicle) จาก Tesla ค่ายที่บุกเบิกรถยนต์ไฟฟ้า สวยงามตอบโจทย์รถยนต์รักโลกแห่งอนาคต ด้วยดีไซน์ทรงสปอร์ตที่สวยล้ำ หลังคากระจกพาดยาว ไม่มีท่อไอเสีย และมีการควบคุมด้วยระบบ AI และมีระบบขับอัตโนมัติให้ด้วย ที่นั่ง 4 คนกำลัง 543 แรงม้าแรงบิด 720 Nmขนาดแบตเตอรี่54-75 กิโลวัตต์/ชั่วโมงใช้เวลาชาร์จนาน 11 ชั่วโมง/ ชาร์จด่วน 1 ชั่วโมงรถยนต์ไฟฟ้าล้วน EV (Electric Vehicle) ที่ตอบโจทย์ทั้งปรัชญาและสมรรถนะ มีอยู่ 3 รุ่น ได้แก่

9.1 Standard Range Plus ชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้ง วิ่งได้ 386 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด 225 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง เร่งจาก 0-100 กิโลเมตร ต่อชั่วโมงได้ในเวลา 5.3 วินาที

9.2 Long Range AWD (ชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้ง วิ่งได้ 550 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด 233 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง เร่งจาก 0-100 กิโลเมตร ต่อชั่วโมงได้ในเวลา 4.4 วินาที

9.3 Performance(ชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้ง วิ่งได้ 520 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด 260 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง เร่งจาก 0-100 กิโลเมตร ต่อชั่วโมงได้ในเวลา 3.2 วินาที

ราคาอยู่ที่ 3,590,000– 4,290,0000 บาท

จุดเด่น

• ฝากระโปรงหน้า มีไว้สำหรับเก็บของเช่นเดียวกับฝากระโปรงหลัง
• มีกล้องด้านข้างทรงครีบเหนือซุ้มล้อ และตรงบานประตูรถ เพื่อการมองเห็นรอบคัน

10. BMW iX3

รถยนต์ยนต์เอสยูวีพลังงานไฟฟ้าจากบริษัท BMW ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลังสูงสุด 210 กิโลวัตต์ หรือ 286 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ความสามารถในการคงแรงบิดระหว่างรอบสูง มีอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 6.8 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (จำกัดความเร็วเพื่อลดการสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า) แบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้าสูงกำลังแรงทำให้ BMW iX3 สามารถวิ่งไปได้ไกลถึง 461 กิโลเมตร มีเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ เช่น ระบบแปลงพลังงานไฟฟ้ากลับคืนเมื่อเหยียบเบรก ช่วยเพิ่มช่วงระยะการขับขี่ให้สูงขึ้นได้ และยังมีอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานต่ำนั่นคือ 18.9 กิโลวัตต์/100 กม.

ราคาอยู่ที่ ราคา 3,399,000 บาท

จุดเด่น

• มอเตอร์ไฟฟ้าของ iX3 มีประสิทธิภาพสูงกว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ
• BMW Live Cockpit Professional ผสานรวมหน้าปัดมาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัล
• หลังคากระจก Panorama เมื่อเปิดหลังคากระจกแบบ Panorama ที่จะเปิดปิดได้โดยอัตโนมัติเพียงและยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ยกและเลื่อนหลังคา ม่านบังแดดแบบเลื่อนเปิด-ปิดได้ และแผงเบนทิศทางลม